วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เทคโนโลยีน่ารู้

รีโมตถอยไป!เทคโนโลยีใหม่สั่งเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยสมอง


อีกไม่นาน สวิตช์แสง, รีโมททีวี หรือแม้แต่กุญแจบ้านอาจจะต้องเข้าพิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณแล้ว เมื่อล่าสุดมีการคิดค้นเทคโนโลยีสั่งการคอมพิวเตอร์ด้วยสมอง ( brain-computer interface : BCI) ในยุโรป โดยผู้ใช้เพียงแค่สั่งการด้วยการนึกคิดของสมองเท่านั้น

เทคโนโลยีนี้ถูกนำมาจัดแสดงที่ CeBIT ในฮันโนเวอร์ เยอรมนี เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเป็นนวัตกรรมใหม่ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านได้อย่างชาญฉลาด ตลอดจนสามารถช่วยเหลือผู้พิการทางร่างกายได้อีกด้วย

"เทคโนโลยี BCI นี้ช่วยให้คนเปิดไฟ เปลี่ยนช่องทีวี หรือเปิดประตูได้แค่นึกถึงมันเท่านั้น" Christoph Guger ซีอีโอของบริษัทวิศวกรรมการแพทย์ g.tec ของออสเตรียผู้พัฒนาเทคโนโลยีนี้กล่าวไว้

ทีมพัฒนาของ g.tec ประกอบไปด้วยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยหลายชาติและจากสถาบันวิจัยต่างๆที่เป็นสมาชิกของโครงการ Presenccia ที่ร่วมมือกันเพื่อสร้างเทคโนโลยี BCI ขึ้นมา โดยมีการสร้างบ้านจำลองแบบ virtual reality (VR) ที่มีอุปกรณ์ภายในบ้านครบครันรวมอยู่ในโครงการนี้อีกด้วย

"ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ... ก็ทุกห้องที่บ้านทั่วไปมีนั่นแหละ คนสามารถเคลื่อนที่ไปยังที่ๆต้องการจะไปได้เพียงแค่นึกถึงสถานที่นั้นขึ้นมาเท่านั้นเอง"

ในการทดลองนี้ จะใช้ Electroencephalogram (EEG) ตรวจดูคลื่นสมองผ่านทางขั้วไฟฟ้าที่ติดกับศีรษะของผู้ใช้ หลังจากได้ฝึกซ้อมปฏิบัติการแล้ว ระบบสามารถเรียนรู้เพื่อแยกแยะได้ว่าลักษณะทางประสาทของผู้ใช้มีลักษณะแตกต่างกันอย่างไรเมื่อมีการสั่งงานที่แตกต่างกัน เช่นนึกถึงการเดินก้าวเท้าไปข้างหน้า, เปิดสวิตช์ไฟ หรือเปิดปิดวิทยุ เป็นต้น

เนื่องจากว่าการเคลื่อนย้ายและควบคุมวัตถุใน VR นี้เกิดจากพลังนึกคิดของสมองเท่านั้น จึงเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการนำอุปกรณ์ชนิดนี้มาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการทางร่างกาย เช่น สามารถช่วยให้ผู้พิการสามารถเปิดปิดโคมไฟเองได้ หรือควบคุมรถเข็นของตัวเองไปยังที่ต่างๆได้อย่างสะดวก

"ในการใช้งานจริงก็อาจจะใช้กับผู้พิการทางร่างกายให้สามารถควบคุมรถเข็นไฟฟ้าได้โดยใช้การสั่งการคอมพิวเตอร์ด้วยสมอง" เมล สลาเตอร์ หนึ่งในผู้เริ่มต้นโครงการนี้เปิดเผย

"และก็น่าจะปลอดภัยกว่าถ้าผู้พิการเหล่านี้จะเรียนรู้การใช้งานเครื่องนี้ผ่านทาง VR ก่อนจะนำไปใช้งานในสิ่งแวดล้อมจริงๆ ซึ่งหากมีข้อผิดพลาดก็อาจจะทำให้ความพิการนั้นรุนแรงขึ้นได้อีก"

นอกจากนั้น g.tec ยังนำเทคโนโลยีนี้ไปควบคุมหุ่นยนต์ขนาดเล็กให้ทำงานตามที่คนสั่งได้ด้วยการใช้ระบบแบบเดียวกัน โดยได้มีการสาธิตกล่องที่มีหลอดไฟ 4 อันอยู่แต่ตั้งให้มีความถี่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นวิธีที่รู้จักกันในชื่อ Steady State Visual Evoked Potentials (SSVEP)


"ตัวอย่างเช่นไฟดวงบนสุดนี้นะ ถูกตั้งไว้ที่ความถี่ 10 เฮิร์ตซ์ ถ้าผู้ใช้จ้องมาที่ไฟดวงนี้ เครื่อง EEG ก็จะตรวจสองความถี่ของคลื่นสมองผู้ใช้ แล้วก็จะไปสั่งงานหุ่นยนต์ให้เดินไปข้างหน้า หรือหากมองไปที่ไฟดวงอื่นที่มีความถี่ต่างกัน ก็จะทำให้หุ่นยนต์เดินไปทางซ้ายหรือทำอะไรอย่างอื่น" กูเกอร์อธิบาย

g.tec ยังนำเทคโนโลยีนี้มาปรับใช้กับการอำนวยความสะดวกในการพิมพ์ โดยผู้ใช้สามารถพิมพ์ข้อความได้ผ่านการนึกคิดของสโมสร โดยให้ผู้ใช้มานั่งอยู่หน้าตารางตัวอักษรและตัวเลขบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วเมื่อผู้ทำการทดลองบอกให้ผู้ใช้พิมพ์ตัวไหนก็ให้ผู้ใช้จ้องมองที่ตัวอักษรนั้น ระบบก็จะวิเคราะห์ดูว่าพฤติกรรมของสมองเมื่อมองอักษรนั้นเป็นอย่างไร และก็จะนำมาประมวลผล

ห"จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คนสามารถเรียนรู้วิธีการพิมพ์ให้เร็วได้ เฉลี่ยอยู่ที่ 1 ตัวอักษรต่อระยะเวลา 0.8 วินาที ซึ่งเป็นความเร็วที่ใกล้เคียงกับการพิมพ์ด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียว"

"สองปีที่แล้วนี่ต้องใช้เวลาเป็นนาทีเลยนะกว่าจะพิมพ์ออกมาได้ 1 ตัวอักษร และต้องใช้เวลาเป็นวันเลยกว่าจะฝึกให้คนๆหนึ่งพิมพ์ได้ ตอนนี้เราสามารถเรียนรู้วิธีการใช้ระบบนี้ภายในเวลาเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น" กูเกอร์กล่าว

ปัจจุบัน ความเที่ยงตรงของเทคโนโลยี BCI นี้กำลังอยู่ในช่วงปรับปรุง โดย g.tec พบว่า 82 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ทั้งหมดสามารถใช้งานระบบนี้ได้อย่างเที่ยงตรง

"5 ปีที่แล้ว มีเพียงแค่คนเดียวในโลกที่สามารถใช้ระบบนี้ได้อย่างเที่ยงตรง" กูเกอร์หมายเหตุเอาไว้

คาดว่าซีอีโอของ g.tec จะนำเทคโนโลยี BCI นี้เข้ามาใช้งานในทางการแพทย์ก่อน เพื่อช่วยเหลือผู้พิการและรักษาผู้ที่พักฟื้นจากการบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม เขาก็เชื่อว่าอีกไม่นานเทคโนโลยีนี้ก็คงจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันได้ และหลังจากที่ได้ทดสอบใน VR มาแล้วนั้น บ้านแห่งอนาคตของ g.tec ก็เข้ามาอยู่ในส่วนหนึ่งของโครงการ SM4all จนได้ และได้รับการสนับสนุนจากทาง EU ให้ทำการวิจัยทดลองต่อไปอย่างเต็มที่อีกด้วย

g.tec ก่อตั้งขึ้นโดย hristoph Guger and Günter Edlinger ในปี 1999 ในฐานะร้านขายของที่ผลิตจาก Graz University of Technology เท่านั้น โดยจะขายเทคโนโลยีที่ได้รางวัลต่างๆให้กับบริษัทผู้ผลิตต่างๆ, มหาวิทยาลัย และสถานบันวิจัยอีก 55 ประเทศ

แปลจาก : http://www.sciencedaily.com/releases/2009/05/090511091733.htm

วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แหล่งท่องเที่ยวในอำเภอฝาง

น้ำพุร้อน ฝาง
"บ่อน้ำพุร้อนฝาง" ตั้งอยู่ภายใน "อุทยานแห่งชาติแม่ฝาง" จังหวัดเชียงใหม่ จัดว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความน่าอัศจรรย์อยู่ในตัวตรงที่ บ่อน้ำพุร้อนฝางแห่งนี้ เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นมาจากหินร้อนเหลวที่อยู่ใต้เปลือกโลก (แม็กม่า) ไหลแทรกมาตามช่องหินขึ้นมาใกล้เปลือกโลก ทำให้ชั้นหินบริเวณนั้นมีอุณหภูมิสูงขึ้น และเมื่อน้ำบาดาลไหลผ่านชั้นหินร้อนดังกล่าว จึงทำให้อุณหภูมิของน้ำนั้นสูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้เกิดแรงดันมหาศาล และดันตัวเองผ่านรอยแยกของหินแกรนิตขึ้นมาบนพื้นผิวโลก จนเกิดเป็นน้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมา โดยมีไอร้อนเป็นควันลอยคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งความร้อนของน้ำในบ่อน้ำพุร้อนนั้นมีความร้อนสูงประมาณ 80-100 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว สำหรับบ่อน้ำพุร้อนฝางแห่งนี้นั้น มีมากมายกว่า 50 บ่อ โดยตั้งกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปรอบๆ ภายในบริเวณพื้นที่ที่กว้างใหญ่กว่า 10 ไร่ ซึ่งทางอุทยานแห่งชาติฯ ได้พัฒนาพื้นที่ให้มีความสวยงามเข้ากับธรรมชาติ โดยทำทางเดินด้วยแนวหิน เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปชมบ่อน้ำพุร้อนได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งบ่อน้ำพุร้อนบางบ่อก็มีขนาดใหญ่ บางบ่อมีขนาดเล็ก แต่ว่าจะมีบ่อใหญ่อยู่หนึ่งบ่อที่จะมีไอน้ำพุ่งขึ้นสูงกว่า 40-50 เมตร ซึ่งสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ที่ได้มาชม พร้อมกับส่งกลิ่นกำมะถันกระจายไปทั่ว และก็มีบางบ่อที่มีอุณหภูมิสูงถึงขนาดสามารถต้มไข่จนสุกได้ภายในระยะเวลาแค่ 10-20 นาที ซึ่งทางอุทยานแห่งชาติฯ ก็ได้จัดเป็นกิจกรรมต้มไข่ในบ่อน้ำพุร้อนไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวและน้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากบ่อเหล่านี้ ยังมีคุณสมบัติของแร่ธาตุที่มีคุณประโยชน์มากมาย อย่างเช่น แคลเซียม โซเดียม ซัลเฟอร์ ที่เชื่อว่ามีคุณสมบัติในการช่วยรักษาโรคผิวหนัง และโรคไขข้ออักเสบได้ ทั้งยังช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ดี เมื่อนำมาอาบ ซึ่งบ่อน้ำพุร้อนฝางก็ได้ผ่านการวิเคราะห์แล้วว่ามีคุณสมบัติของแร่ธาตุดังกล่าว ที่สามารถนำมาอาบได้โดยปลอดภัย ทางอุทยานแห่งชาติแม่ฝางจึงได้จัดทำห้องอาบน้ำแร่ ห้องอบไอน้ำ และบ่อน้ำร้อนไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการมาอาบน้ำพุร้อน โดยตั้งอยู่ก่อนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติฯ เล็กน้อย และทางอุทยานแห่งชาติฯ ยังได้จัดให้มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเดินขึ้นเขาผ่าป่าเบญจพรรณมาถึงยังบ่อน้ำพุร้อน มีระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร และนอกเหนือจาก "บ่อน้ำพุร้อนฝาง" แห่งนี้แล้ว ภายใน "อุทยานแห่งชาติแม่ฝาง" ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามและน่าสนใจอื่นๆ อีก อย่าง "ดอยผ้าห่มปก" ดอยที่สูงเป็นอันดับสองของประเทศไทย "ห้วยแม่ใจ" ลำห้วยที่มีน้ำไหลตลอดปี เหมาะแก่การเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ "ถ้ำห้วยบอน" ถ้ำขนาดใหญ่ที่มีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม และยังมีน้ำตกต่างๆ ที่สวยงามน่าไปเที่ยวชมอีก อาทิ น้ำตกโป่งน้ำดัง น้ำตกตาดหมอก น้ำตกตาดหลวง ฯลฯ
บรรยากาศภายใน น้ำพุร้อน ฝาง


บรรยายกาศที่นี่ร่มรื่นมาก มีต้นไม้สองข้างทางไปจนถึงบ่อน้ำพุร้อนเลยครับ

บ่อน้ำพุร้อนฝาง เป็นส่วนหนึ่งในอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก อันเลื่องชื่อและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ชอบแบบธรรมชาติ
ห่างออกไปทางทิศตะวันตกของบ่อน้ำพุร้อน ประมาณ 100 เมตร จะพบกับลำห้วยแม่ใจซึ่งมีแหล่งต้นน้ำจากดอยผ้าห่มปกไหลผ่านหุบเขา ก่อนลงสู่แม่น้ำฝาง
สายธารใสไหลเย็นตลอดทั้งปี ใต่ร่มเงาไม้ในป่าเบญจพรรณที่ร่มรื่น ลงเล่นน้ำสัมผัสความใสเย็นได้ตลอดปี
การตกแต่งที่สวยงาม มีการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี...ทำให้บรรยากาศแบบนี้ มองแล้วไม่เบื่อ ดูแล้วทำให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาสัมผัส รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ว่าท่านจะอยู๋ในจุดไหนของ สถานท่องเที่ยวที่ชื่อว่าบ่อน้ำพุร้อนฝาง ท่านจะต้องประทับใจ
บอกได้ว่า บรรยากาศแบบนี้ อืม......น่ามากับคนที่รู้ใจ....
บริเวณนี้ก็เป็นธารน้ำร้อน
มีบริการอาบ อบไอแร่ บริการนวดแผนไทย

มีห้องอาบน้ำ อบไอแร่

มีธารน้ำแร่แช่เท้า


แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาจีน

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ (ภาษาจีน) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ร่างกาย เวลา 14 ชั่วโมง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง อวัยวะบนร่างกายของฉัน เวลา 3 ชั่วโมง
…………………………………………………………………………………………………………………

1. มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน จ 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตุผล
มาตรฐาน จ 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ
มาตรฐาน จ 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยการพูดและการเขียน
มาตรฐาน จ 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

2. ตัวชี้วัด


จ 1.1 ป.4/2 อ่านออกเสียงคำ สะกดคำ อ่านกลุ่มคำ ประโยค ข้อความง่ายๆ และบทพูดเข้าจังหวะถูกต้องตามหลักการอ่าน
จ 1.1 ป.4/3 เลือก/ระบุภาพ หรือสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายตรงตามความหมายของประโยคและข้อความสั้นๆ ที่ฟัง หรืออ่าน
จ 1.1 ป.4/4 ตอบคำถามจากการฟังและอ่านประโยค บทสนทนา และนิทานง่ายๆ
จ 1.2 ป.4/1 พูด/เขียนโต้ตอบในการสื่อสารระหว่างบุคคล
จ 1.2 ป.4/2 ใช้คำสั่ง คำขอร้อง และคำขออนุญาตง่ายๆ
จ 1.2 ป.4/4 พูด/เขียนเพื่อขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน และครอบครัว
จ 1.3 ป.4/1 พูด/เขียนให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องใกล้ตัว
จ 1.3 ป.4/2 พูด/วาดภาพแสดงความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ ใกล้ตัวตามที่ฟังหรืออ่าน
จ 2.2 ป.4/1 บอกความแตกต่างของเสียงตัวอักษร คำ กลุ่มคำ ประโยค และข้อความของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย


3. สาระสำคัญ


อ่านออกเสียงคำ สะกดคำ อ่านกลุ่มคำ ประโยค ข้อความง่ายๆได้ สามารถตอบคำถามจากการฟังและอ่านประโยค บทสนทนาง่ายๆ เลือกระบุภาพตามความหมายของประโยค ใช้คำสั่งคำของร้อง แบบง่ายๆ ให้ข้อมูลตัวเอง และเรื่องใกล้ตัว บอกความแตกต่างของเสียงอักษร คำ กลุ่มคำ ประโยค ข้อความ ในเรื่องของอวัยวะต่างๆที่อยู่บนร่างกายได้อย่างถูกต้อง


4. สาระการเรียนรู้


4.1 คำศัพท์ที่ต้องจำ
4.2 โครงสร้างประโยค
4.- ฝึกแยกโทนเสียง


5. จุดประสงค์การเรียนรู้


5.1 จากหัวข้อ “คำศัพท์ที่ต้องจำ” นักเรียนจะต้องอ่านและจำคำศัพท์ได้
5.2 สามารถสนทนาตามโครงสร้างประโยคได้อย่างคล่องแคล่ว
5.3 อ่านพินอิน a , e ได้และสามารถแยกเสียง a , e เมื่อผสมกับเสียงสระและเสียงวรรณยุกต์ได้


6. คุณลักษณะที่พึงประสงค์


6.1 ผู้เรียนแสวงหาความรู้ด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเอง
6.2 ผู้เรียนมีความใฝ่รู้ใฝ่เรียนในรายวิชาอย่างสม่ำเสมอ
6.3 เห็นความสำคัญและประโยชน์ของการเรียนในรายวิชา


7. ภาระชิ้นงาน


7.1 คัดคำศัพท์ที่ต้องจำ
7.2 ใบผลงาน เรื่อง วาดรูปใบหน้าให้ฉันหน่อย
7.3 แบบฝึกหัด



8. กิจกรรมการเรียนรู้


ชั่วโมงที่ 1
ขั้นนำ
1. เริ่มบทเรียนใหม่ ผู้สอนได้อธิบายเกี่ยวกับเนื้อหาโดยรวมที่เกี่ยวข้องกับบทนี้
ขั้นสอน
1. เข้าสู่หัวข้อฝึกแยกโทนเสียง เพื่อให้ผู้เรียนรู้จักพยัญชนะและสระที่เกี่ยวข้องกับบทเรียนนี้
2.ผู้สอนใช้ตุ๊กตาสัตว์เป็นตัวอย่างพร้อมอธิบายความหมายของคำศัพท์ ตัวอย่าง 头 (หัว ศีรษะ) 腿 (ขา) 脚 (เท้า) 尾巴 (หาง) 短 (สั้น) 长 (ยาว) ขณะเดียวกันให้ผู้เรียนอ่านตาม เมื่อฝึกอ่านคำศัพท์เรียบร้อยแล้วผ้สอนให้ผู้เรียนฝึกอ่านประโยค ตัวอย่าง
这是我的头。 我有头。 我的头大。
(นี่คือศีรษะของฉัน) (ฉันมีศีรษะ) (ศีรษะของฉันใหญ่)
这是我的手。 我有手。 我的手小。
(นี่คือมือของฉัน) (ฉันมีมือ) (มือของฉันเล็ก)
这是我的尾巴。 我有尾巴。 我的尾巴长。
(นี่คือหางของฉัน) (ฉันมีหาง) (หางของฉันยาว)
3. เมื่อผู้เรียนสามารถจดจำและใช้งานคำศัพท์เกี่ยวกับส่วนต่างๆของร่างกายได้แล้วจึงเข้าสู้การฝึกฝนและพูด ครูชี้ส่วนต่างๆของร่างกายทีละส่วนและให้ผู้เรียนฝึกฝนตั้งคำถามและฝึกตอบ ตัวอย่าง
老师: 这是什么? 你又尾巴吗? 谁有尾巴?
ครู (นี่คืออะไร) (เธอมีหางไหม) (ใครมีหาง)
学生: 这是头。 没有。 小狗(猫)有尾巴。
นักเรียน (นี่คือศีรษะ) (ไม่มี) (ลูกสุนัข/ลูกแมวมรหาง)
ผู้สอนพูดชื่อส่วนต่างๆของร่างกายทีละส่วน เพื่อให้ผู้เรียนแสดงปฏิกิริยาทางร่างกายทีละส่วน

ขั้นสรุป
1. ให้ผู้เรียนฝึกจำและอ่านอักษรจีนจากพินอินและภาพประกอบ ฝึกฝนการออกเสียงคำศัพท์จากการอ่าน และฝึกการเขียนศัพท์และความหมายของคำศัพท์พร้อมกัน เมื่อฝึกฝนการอ่านเรียบร้อยแล้ว ผู้สอนแสดงการ์ดคำศัพท์พร้องอธิบายความหมาย(หรือชี้ไปยังส่วนต่างๆของร่ายกาย)
2. จากนั้นให้ผู้เรียนคัดคำศัพท์ที่ต้องจำ

ชั่วโมงที่ 2
ขั้นนำ
1. ก่อนเริ่มเข้าสู้หัวข้อต่อไป ผู้สอนได้อ่านศัพท์ที่ต้องจำในบทนี้ให้ผู้เรียนฟังอีกครั้งจากนั้นผู้สอนได้เปิดซีดีเสียงให้ผู้เรียนฟัง แล้วให้ผู้เรียนอ่านออกเสียงตามซีดีเสียงอีกครั้ง เพื่อให้ผู้เรียนได้ฟังเสียงจากเจ้าของภาษาโดยตรง

ขั้นสอน
1. หัวข้อฝึกสนทนา ผู้สอนอธิบายกลุ่มคำต่อไปนี้
两只手 尾巴长 (มือ 2 ข้าง หางยาว)
两只脚 尾巴短 (เท้า 2 เท้า หางสั้น)
四只脚 (เท้า 4 เท้า)
ผู้สอนถามเองตอบเองพร้อมสาธิต เพื่อช่วยอธิบายให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจในรูปประโยคต่อไปนี้
老师有几只手? (ครูมีมือกี่ข้าง)
老师有两只手。 (ครูมีมือ 2 ข้าง)
ผู้สอนชูมือทั้งสองข้างออกมา
老师有几只脚? (ครูมีเท้ากี่เท้า)
老师有两只脚。 (ครูมีเท้า 2 เท้า)
ผู้สอนยื่นเท้าทั้งสองเท้าออกมา
ผู้สอนใช้นิ้วชี้ไปยังตุ๊กตาสุนัขที่อยู่ในมือ และกระตุ้นการถามตอบของผู้เรียน
老师:小狗有几只脚? ผู้สอน ลูกสุนัขมีเท้ากี่เท้า
学生:小狗有四只脚。 ผู้เรียน ลูกสุนัขมี 4 เท้า
ผู้สอนใช้นิ้วชี้ไปยังหางของตุ๊กตาสุนัขและตั้งคำถามกับนักเรียน
老师:这是什么? ผู้สอน นี่คืออะไร
学生:这是尾巴。 ผู้เรียน นี่คือหาง
老师:这是谁的尾巴? ผู้สอน นี่คือหางของใคร
学生:这是小狗的尾巴。 ผู้เรียน นี่คือหางของลูกสุนัข

2. เมื่อผู้เรียนเข้าใจโครงสร้างประโยคข้างต้นและฝึกจนเกิดความชำนาญแล้ว ให้นักเรียนฟังซีดีเสียงในหัวข้อ “ฝึกสนทนา”และฝึกอ่านตาม ผู้เรียนพูดภาษาจีน ผู้สอนอธิบายความหมายเป็นภาษาไทย จากนั้นแบ่งกลุ่มผู้เรียนฝึกอ่านกลุ่มละ 2 คน แล้วฝึกฝนประโยคข้างล่างต่อไปนี้
两只手 也
两只脚 四只脚
小猫 尾巴长
小狗 尾巴短

ขั้นสรุป
1. จากนั้นให้ผู้เรียนได้ทำใบผลงาน เรื่อง วาดรูปใบหน้าให้ฉันหน่อย

ชั่วโมงที่ 3
ขั้นนำ
1. ก่อนเริ่มเข้าสู้หัวข้อต่อไป ผู้สอนได้ทบทวนศัพท์ที่ต้องจำและบทสนทนาในบทนี้ให้ผู้เรียนฟังอีกครั้งจากนั้นผู้สอนได้เปิดซีดีเสียงให้ผู้เรียนฟัง แล้วให้ผู้เรียนอ่านออกเสียงตามซีดีเสียงอีกครั้ง เพื่อให้ผู้เรียนได้ฟังเสียงจากเจ้าของภาษาโดยตรง

ขั้นสอน
1. หัวข้อฝึกเขียนตามตัวอย่าง หนังสือแบบเรียนหน้า 18 ผู้สอนเขียนคำศัพท์ตามลำดับการเขียนอักษรจีนทีละขั้นๆพร้อมอธิบาย ผู้เรียนลอกคำศัพท์ลงในหนังสือแบบฝึกหัดตามขั้นตอน ผู้สอนสังเกตการณ์เขียนของผู้เรียนในตารางสี่เหลี่ยมจัตุรัส สังเกตลำดับการเขียนที่ถูกต้องและสัดส่วนของตัวอักษร ผู้สอนเขียนเป็นตัวอย่าง ตรวจสอบ และให้คำแนะนำ

尾:
巴:
短:
长:
ขั้นสรุป
1. ทำแบบฝึกหัดในหนังสือแบบฝึกหัดหน้า 14 หัวข้อที่ 4 ฝึกเขียนละจำ และหน้า 12 หัวข้อที่ 2 จงโยงเส้นจับคู่แล้วเขียนอักษรลงในวงเล็บ

ประวัติส่วนตัว


ชื่อ นายเอกชัย วิชัยวงค์

ชื่อเล่น เอก

ที่อยู่ 189 หมู่ 6 ต.แม่ข่า อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ 50320

E-mail kuihua_99@hotmail.com

Blog wichaiwong.blogspot.com

การศึกษา ปริญาญาตรี คณะมนุษยศาสตร์ โปรแกรมวิชาภาษาจีน มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

สถานที่ทำงาน โรงเรียนรังษีวิทยา 262 หมู่ 9 ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ 50110